เด็กบังเอิญ

"...บทความต่างๆ ผมได้อ่านมาจากหนังสือต่างๆ และรวมรวมมาจากเว็บต่างๆด้วยและได้ยินมาด้วย ผมจึงรู้สึกว่า คำเหล่านี้และบทความเหล่านี้ อาจช่วยให้ เราได้ข้อคิดให้กำลังใจในการใช้ชีวิตบนโลกกลมๆใบนี้อย่างมีความสุขในสิ่งที่ดี งามสามารถหยิบเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่มากก็น้อยสมควรแก่ผู้สนใจครับ ... ขอขอบคุณทุกคน ณ โอกาสนี้ครับ...." ສະບາຍດີ (เด็กบังเอิญ...)

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

""การเรียนรู้ที่เร็วที่สุด 
คือ "การถาม"
การเรียนรู้ที่ง่ายที่สุด 
คือ "เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น"
การเรียนรู้ที่เข้าใจที่สุด 
คือ "ต้องเจอกับปัญหาและแก้ไขด้วยตัวเอง"
จุดสิ้นสุดของการเรียนรู้นั้น"ไม่มี"......
เพราะ ชีวิตคือการเรียนรู้.....และยอมรับมัน""

CR.ขอบคุณ -People Magazine
-




"เขาชมก็ไม่ได้ทำให้เราชึ้นสวรรค์
เขาชังก็ไม่ได้ทำให้เราลงนรก
เขาด่าก็ไม่ได้ทำให้เราเป็นเช่นเขาด่า
เขาอิจฉาก็ไม่ได้ทำให้เราตกต่ำ
เขาอิจฉาก็ไม่ได้ทำให้เราย่ำแย่ลง"

"ไม่ว่าเขาจะพูดจะคิดอย่างไร
สำคัญเราเป็นอย่างนั้นหรือไม่
ถ้าใช่เรียนรู้ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง 
ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องสนใจอย่าได้แคร์ "


"ไม่ต้องเป็นคนเก่งชนะใคร
แต่ให้เป็นคนธรรมดาทั่วไป
ที่ชนะใจตัวเอง  "
################

ดังตฤณ....


(¯`v´¯).♥´.............
โกรธไม่เป็นไร
แต่อย่าเกลียดก็แล้วกัน
เพราะโกรธนั้นทุกข์เดี๋ยวเดียว
แต่ถึงขั้นเกลียดจะต้องทุกข์ยืดเยื้อ
และอาจยาวนานกว่าที่คิด

เกลียดไม่เป็นไร
แต่อย่าอาฆาตก็แล้วกัน
เพราะเกลียดนั้นทุกข์อยู่คนเดียว
แต่ถึงขั้นอาฆาตจะเป็นทุกข์หลายคน
และอาจลงเอยเป็นโศกนาฏกรรมคาดไม่ถึง

จิตต้องขุ่นถึงจะโกรธได้
จิตต้องทึบถึงจะเกลียดลง
จิตต้องมืดบอดถึงจะอาฆาตนาน

จิตต้องสว่างจึงจะดับอาฆาตสนิท
จิตต้องโปร่งจึงจะระงับความเกลียดไหว
จิตต้องใสถึงจะหยุดความโกรธเร็ว

 ดังตฤณ....



"ล้มลง"....คุณอาจได้แผล
แต่..."ล้มเลิก"

แล้วยอมแพ้
======>  คุณจะไม่ได้อะไรเลย ...  (◡‿◡✿)





ทานตะวัน ...อดทนไว้แล้วจะงดงาม

วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556


"เท่าที่ ... "

เท่าที่จะมีได้ คือ "ความหวัง"
เท่าที่ควรจริงจัง คือ "เป้าหมาย"
เท่าที่ต้องปล่อยวาง คือ "ความตาย"
เท่าที่ทำก่อนจะสาย คือ "ความดี"









เพราะมหานทีอยู่ที่ต่ำ                                                                    
จึงรับน้ำลำธารได้ทุกสาย
แต่ภูสูงเสียดเมฆพรรณราย
แม้ฝนหยาดสุดท้ายไม่อาจครอง


- จันทร์ วรลักษณ์ –



◠‿◠                                                                                                                       ◠‿◠


"เหนือฟ้าคือฟ้ากว้าง เหนือเส้นทางคือจุดหมาย"

เหนือตายคือไม่ตาย เหนือจุดหมายย่อมไม่มี

เหนือทุกข์คือทุกข์กว่า เหนือเงินตราคือความดี
เหนือชีพที่ยอมพลี คือสังคมอุดมการณ์ 

(นายผี - อัศนี พลจันทร์)

                 

                   " ใจย่อมจดจ่อ,      แม้จิตก็เลื่อมใสในบุคคลใด,
              เขาย่อมสนิทสนมในบุคคลแม้นั้น       ซึ่งตนไม่เคยเห็น
              โดยแท้    ความรักนั้นย่อมเกิด      เพราะอาศัยเหตุ  
              ประการอย่างนี้  คือ  เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑,
              เพราะการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ๑            เปรียบเหมือน
              ดอกบัวเกิดในน้ำได้        (เพราะอาศัยเปือกตมและน้ำ)
              ฉะนั้น."

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

ประสบการณ์



Dewboony Techa -      هههههههههههههههههههههههههههههههههههههههههههههه

๐ ประสบการณ์คือสิ่งมีค่า ๐

.. ไม่มีใครที่จะเก่งและรู้ดีไปหมดทุกเรื่อง
นับตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก
ทุกคนย่อมต้องผ่านการเรียนรู้มามากมาย
จึงจะค่อย ๆ พัฒนาตัวเองเป็นคนที่ฉลาดขึ้น

.. น้อยครั้งที่เราจะได้ยินใครสักคนพูดว่า
ฉันรู้สึกเกลียดชังความผิดพลาดที่ผ่านมาของตัวเอง
ขณะเดียวกันคนมากมายกลับพูดว่า
ขอบคุณบทเรียนและประสบการณ์ทุกอย่าง
ที่ทำให้ฉันมีวันนี้...

.. อดีตคือเครื่องหมายแห่งความกล้าแกร่งและเข้มแข็งของตัวเรา
จงใช้มันให้เป็นประโยชน์กับการดำรงชีวิตในทุก ๆ วัน
เพราะคงไม่มีใครจะสามารถสอนและให้ข้อคิดกับเราได้
มากไปกว่าประสบการณ์ของตัวเราเองอีกแล้ว





" เวลาคืออะไร...? "

/---แนวคิดทางศาสนาพุทธ
: เวลาย่อมกลืนกินทุกสรรพสิ่งและตัวมันเอง...


/---ท่านพุทธทาสภิกขุ
: เวลาคือระยะทางแห่งความอยากและสมอยาก...


/---ไอน์สไตน์
: พูดถึงเรื่องเวลาเมื่อคราวอธิบายความหมายของทฤษฎีสัมพันธภาพให้เพื่อนฟังว่า " เมื่อเรานั่งคุยกับคนรักเรา ๒ ชั่วโมง เราจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเพี่ยง ๒ นาที...แต่ถ้าเรานั่งอยู่หน้าเตาไฟ ๒ นาที เราจะรู้สึกว่า เรานั่งอยู่ ๒ ชั่วโมง " ...


/---กฤษณะมูรติ
: เช่นเดียวกันกับกฤษณะมูรติ ที่ได้ให้ความหมายของเวลาไว้เป็น ๒ นัยคือ เวลาตามปฎิทิน ที่คำนวณจาการโคจรหรือการหมุนของโลก(โครโนโลจิคัลไทม์) และ เวลาทางจิต ซึ่งก็คือเวลาตามความรู้สึกของเราที่สั้นยาวต่างกัน..และไม่ได้เดินคงที่ดุจเวลาตามปฎิทิน...


/---คำสนทนาของพราหมณ์คนหนึ่งกับวอลแตร์เกี่ยวกับเรื่องเวลา : พราหมณ์กล่าวว่า "ฉันมีชีวิตอยู่ในเวลา แต่ไม่รู้ว่า เวลาคืออะไร "...


/---คาลิล ยิบราน
: เวลาก็เป็นเช่นความรัก...แบ่งไม่ได้..และไม่เคลื่อนที่ไปเป็นก้าว...*


/---พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
: เวลาคือชั่วขณะความยาวนานที่มีอยู่หรือเป็นอยู่ โดยนิยมกำหนดขึ้นเป็นครู่ คราว วัน เดือน ปี เป็นต้น...


/---ช่างทํานาฬิกา
: เวลาคือเสียงนาฬิกาเดิน...


/---นักฟิสิกส์
: เวลาคือองค์ประกอบหนึ่งของจักรวาล...


/---นักชีววิทยา
: เวลาคือสิ่งที่กําหนดพฤติกรรมของสัตวและพืชให้คล้องจองกับธรรมชาติภายนอก...


/---นักจิตวิทยา
: บอกว่าคนทุกคนรู้ว่าเวลาคืออะไร...


/---เด็กต่ำกว่าสองขวบ
: เขาจะไมรู้จักเวลาเลย...


/---เวลาอินเตอร์เน็ต
: เวลาอินเตอร์เน็ตถูกสร้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงโซนต่างๆ โดยการกำหนดว่า ใน 1 วัน หรือ 24 ชั่วโมง ให้มีจำนวน 1000 บีตส์ (Beats) ดังนั้น 1 บีตส์จะเท่ากับ 1.44 นาที = 1 + 44/100 = 1 นาที 26.4 วินาที ที่กรุงเทพเราเริ่ม 0 บีตส์ ที่ 6.00 A.M. หรือ 6 โมงเช้า ...


/---เวลาเล่นอินเตอร์เนต..เป็นเวลาที่ช่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียจริง ๆ...พับผ่าสิ...


/---นาฬิกา
: ไม่ใช่เวลา..มันเป็นเครื่องมือบอกเวลาเท่านั้น..



==============================+
: จากหนังสือ "อยู่อย่างเซน" โดย ละเอียด ศิลาน้อย, /
เราไม่อาจเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองได้เว้นแต่ว่า 
เราจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นเสียก่อน 
ไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม 
เราทุกคนล้วนมีส่วนเชื่อมโยงกัน 
เราจึงไม่ควรคิดว่าเราจะมีความสุขเพียงลำพัง 
เพราะใครก็ตามที่สนใจเพียงความสุขของตนเอง
จะต้องพบกับความทุกข์ในที่สุด
ส่วนผู้ที่สนใจเพียงความสุขของผู้อื่น
จะดูแลตนเองโดยไม่คำนึงถึงความสุขของตนเอง
แม้เมื่อเราตัดสินใจที่จะเห็นแก่ตัวต่อไป
ขอให้เราจงเห็นแก่ตัวอย่างมีสติ...แล้วช่วยเหลือคนอื่น


“ 365 ดาไล ลามะ วัจนะจากใจ”,
เพราะมหานทีอยู่ที่ต่ำ
จึงรับน้ำลำธารได้ทุกสาย
แต่ภูสูงเสียดเมฆพรรณราย
แม้ฝนหยาดสุดท้ายไม่อาจครอง


- จันทร์ วรลักษณ์ -




การอกหักเป็นส่วนหนึ่งของการมีความรัก ที่ทุกข์เพราะคิดว่ารักแล้วต้องสมหวัง

ในความเป็นจริง เคยมีคนที่ต้องเดินหันหลังให้กับคนที่รักกันตั้งมากมาย ที่ได้มาค้นพบในภายหลังว่า เขาสามารถมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมได้อย่างสุดวิเศษ

การอกหักจึงเป็นสิ่งดีๆที่ควรเรียนรู้เอาไว้ :) คนที่ทำให้เราอกหักก็ไม่ใช่คนเลวอะไร ควรขอบใจเขาด้วยซ้ำ ที่ได้ช่วยมอบบทเรียนอันทรงคุณค่าให้เราได้เรียนรู้

ควรมองไปข้างหน้า พร้อมๆกับเรียนรู้ว่า ศักยภาพที่จะรักยังคงอยู่กับเรา และโลกนี้มีคนอีกมากมาย

“คนที่ใช่ที่สุดอาจไม่ใช่คนของวันวาน แต่อาจเป็นคนของวันนี้ หรือวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้”

อย่าผูกชีวิตไว้กับคนเพียงคนเดียว เพราะชีวิตมีคุณค่ายิ่งใหญ่กว่านั้นอย่างประมาณไม่ได้

“เราอาจสูญเสียคนที่เรารักไป แต่ไม่ได้หมายความว่า เราได้สูญเสียความสามารถที่จะรัก”



CR. ขอบคุณ Pran สำนักพิมพ์

ข้อคิด

ข้อคิดมีมากมายหากไม่นำไปใช้ไม่มีประโยชน์

ความสุภาพ คือ เงาของจิตที่สงบ
ไม่มีใครแกล้งทำว่าโง่ ได้แนบเนียนเท่าคนฉลาด
ความจำที่ดีที่สุด คือรู้ว่าอะไรควรจำและอะไรไม่ควรจำ
จงหาเงินในขณะที่ท่านยังไม่เดือดร้อน
ครู คือ ผู้สอนตนเองได้
ความบริสุทธิ์ คือ สิ่งที่ไม่ต้องมีการคุ้มครอง
แม้คนใกล้ชิดสนิมสนมก็ควรจัดการด้วยความสุภาพ
พระผู้เป็นเจ้าส่งเพื่อนมาให้ท่านเพื่อบอกว่าท่านผิดอะไร
เสื้อผ้าไม่ได้ทำให้คนเป็นปราชญ์
เชื้อโรคกับโรคร้ายมักมาทางปาก
ใหญ่แต่ไร้ประโยชน์ คือ กองขยะ
ความอดทนที่แท้คือทนต่อความเหลืออด
คนฉลาดไม่เถียงกับคนโง่
ความจริงของชีวิต คือ กองกระดูก
ผู้ดีมีเกียรติมากมาย ที่ซุกอยู่ใต้หมวกกะรุ่งกะริ่ง
ในสงคราม คนมีเมตตาเป็นผู้ชนะ
ชนะการพูดมากด้วยการพูดน้อย
จงระวังน้ำเสียงเท่ากับระวังคำพูด
บุญกุศล จะผ่อนหนักให้เป็นเบา
คนสละกิเลส ไม่สร้างโกดังเก็บของ
ไม่ให้อภัยศัตรู ชั่วชีวิตจะไม่รู้ว่า ความสุขเป็นยังไง
หน้าที่ของชีวิต คือ ช่วยชีวิตให้ช่วยเหลือชีวิต
อยู่อย่างมีความหมาย สามวันก็พอ
ความขยันทำให้อุปสรรคหมดไป ความขี้เกียจสร้างมันขึ้นมา
ตาของคนโง่มักไม่เคยมองตนเอง
การเคราะห์ร้ายป็นการไถ่บาปอย่างหนึ่งของมนุษย์
ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไรจงเป็นยอดของสิ่งๆนั้น
ความรู้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อ ช่วยให้ผู้นั้นประพฤติดี มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
การอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้ทุกๆที่เป็นเหมือนบ้าน
พูดให้คนเจ็บใจ คือชัยชนะที่ว่างเปล่า
คนโสด คือ คนสมบูรณ์
ประเพณี ที่ไร้สาระ คือ ความผิดพลาดที่ต่อเนื่องมาช้านาน
ความรักทำให้คนตาบอด การแต่งงานทำให้คนตาสว่าง
คนดี เป็นครูให้คนไม่ดี คนไม่ดีเป็นครูให้คนดี
• “ศีลไม่ใช่หลักการที่น่ากลัวเหมือนกฎหมายบ้านเมือง ที่ออกมาใช้บังคับคนไม่ดีหรือป้องกันโจร ไม่เหมือนพระวินัย ที่เทียบได้ดังกฎหมายของพระ แต่ทว่า คือหลักการของคนดี


ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด
เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง ห่อนแก้ ฤาไหว


พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556


ตัวฉันกำลังผจญ อยู่บนถนนแห่งความฝัน
แม้มืดมนอนธกาล มิท้อแท้แต่อย่างใด
มาตรว่าอนาคต ไม่อาจกำหนดอะไรได้
อะไรจะเกิดก็เกิดไป เผชิญหน้าเข้าหามัน
ทำใจให้อดทน ไม่กังวนให้ตนหวั่น

หนทางสู่ความฝัน ลำบากแท้ก็แค่ตาย
บางครั้งนั่งห่อเหี่ยว อยู่ผู้เดียวก็เปลี่ยวดาย
ครั้นหวนนึกรำลึกไป คิดถึงเพื่อนอยู่เหมือนกัน
เพื่อนเอ๋ยเคยรู้ไหม กำลังใจที่ให้ฉัน
เพียงสักนิดคิดถึงกัน คอยย้ำเตือนว่าเพื่อนมี
คนผู้หนึ่งซึ่งเสมือน เป็นทั้งเพื่อนและน้องพี่
อาจท้อบ้างในบางที คิดถึงเขาก็เบาใจ
กี่ปีที่ผ่านพบ เลือนลบในวันใหม่
วันเดือนที่เคลื่อนไป ความเป็นเพื่อนยังเหมือนเดิม
 .......( จีรศักดิ์ สามหมอ )....


วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

หนทางมีคนชี้ให้แล้ว .... อยู่ที่จะเดินตามหรือป่าว ทุกสิ่งในโลกมีอยู่แล้ว.... อยู่ที่เราจะค้นหาเจอหรือป่าว....

ชีวิตมีร้อยเรื่อง                    หลากพัน 
เจ้าจักเรียนรู้มัน                        เมื่อพร้อม 
บางสิ่งอาจคอยวัน                   ปรากฏ 
หากจิตยังนอบน้อม                  ชีพนี้ศรัทธา 

     
จงอย่าหลีกหลบเร้น             พรางกาย 
มันจักคลี่เงื่อนคลาย                 สุดแล้ว 
มีต้นย่อมมีปลาย                      ที่รัก 
ข้าอยู่มิคลาดแคล้ว                   แห่งนั้นมั่นเสมอ 

     
เพียงเจ้าจงจับจ้อง               สองเนตร 
มีหนึ่งสถานวิเศษ                      มากล้ำ 
ค้นหาสิสังเกต                           ให้พบ 
ก้าวย่างอย่าเพลี่ยงพล้ำ            เท่านั้นเป็นดี 

     
ทุกสิ่งจักเปลี่ยนเจ้า              เปลี่ยนแปลง 
อาจแปลกสิ่งซึ่งแสดง              ประจักษ์ได้ 
อย่าหวั่นไม่ร้ายแรง                   หากพบ 
จงแกร่งอย่ากลัวไซร้                 ชีพเจ้าเติบโต 

     
บางช่วงชีวิตคล้าย                เดินทาง 
บางแห่งอาจเลือนลาง               สว่างแจ้ง 
บางวันหมอกหม่นพราง              ขวางจิต 
บางสิ่งอุปสรรคแสร้ง                  แกร่งกล้าฝ่าฟัน 

     
เข้าใจและรับรู้                       ความหมาย 
ทุกสิ่งย่อมกลับกลาย                  สิ่งแท้ 
มีเกิดแก่เจ็บตาย                         สลายดับ 
เปล่าใช่เราพ่ายแพ้                     แต่ต้องเข้าใจ 

     
ใช่ทุกสิ่งเปลี่ยนเจ้า                สหายเอย 
ตั้งสติสิทรามเชย                         อาจแก้ 
ทบทวนเมื่อแรกเปรย                   ทวนทบ 
หากมั่นประมาทแม้                      อาจแพ้ภัยพาล 

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556


"เมื่อรู้ตัวว่ากำลังเหม่อ คุณได้ชื่อว่าเห็นความเหม่อ 
และทันทีที่เห็นความเหม่อ 

ความเหม่อจะหายไป แล้วถูกแทนด้วยสติชั่วขณะหนึ่ง



ปัญหาคือขณะเหม่อเต็มที่แปลว่าสติขาดหายอย่างสิ้นเชิง 
คุณจึงไม่มีสิทธิ์เห็นอะไรในขณะที่กำลังเหม่ออยู่ 
ต่อเมื่อนึกขึ้นได้ว่ากำลังอยู่ในอิริยาบถใด 
หายใจเข้าหรือหายใจออก 
หรือกำลังอยู่ไหน เห็นหรือได้ยินอะไรตรงหน้า 
นั่นเองสติจึงกลับมา 
แม้ไม่เต็มบริบูรณ์ แต่ขอเพียงครึ่งๆกลางๆของสติ 
ก็เพียงพอแล้วที่จะทราบได้ว่าเมื่อครู่เหม่อไปแล้ว



"คนตายเท่านั้นทำผิดเพิ่มไม่ได้"
คนฉลาดเท่านั้นมองความผิดเป็นบทเรียน
คนเก่งเท่านั้นแปรความผิดเป็นชนวนแห่งความถูก

คนรู้จริงเท่านั้นเห็นความผิดเป็นเรื่องธรรมดา



วูบแห่งความสำนึกผิดนั้นยอด
แต่ความรู้สึกผิดยืดเยื้อนั้นแย่
ความสำนึกผิดจริงจังนั้นดี
แต่ความรู้สึกผิดโดยไม่คิดแก้ไขนั้นเลว




"เรื่องน่าเศร้าที่สุดในโลกนี้มีอยู่แล้ว 
คือการที่คนเกลียดกันอย่างไม่สมเหตุสมผล 
หรือกระทั่งฆ่ากันด้วยความเข้าใจผิด 
แต่ที่น่าเศร้ากว่าเรื่องน่าเศร้าที่สุด 
คือเรื่องน่าเศร้าที่สุดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ทุกวัน
คนอย่างหล่อนน่าจะมีส่วนช่วยให้เกิดเรื่องน่าเศร้าน้อยลง ไม่ใช่มากขึ้น
พอสอนตนเองเช่นนั้น มะแมก็วางใจเป็นอุเบกขาได้ 
ผุดคำพูดขึ้นในหัวว่า เสียความรู้สึกดีๆ 
ไม่จําเป็นต้องเสียจิตที่เป็นกุศล 
ถ้ายังรักษาความคิดให้เข้าข้างกุศลได้อยู่"

- มาเฟียพลังจิต

"ถ้าดีใจเวลาเห็นใครเป็นสุข คุณอาจไม่จำเป็นต้องรักเขาเสมอไป
แต่ถ้าอ้างว่าคุณรักใครแล้วไม่ยินดีกับความสุขของเขา 
แปลว่าคุณเห็นแก่ตัวและดีแต่พูดเท่านั้น" 

- รักแท้มีจริง 










"พบรักแท้ว่ายากแล้ว เหมือนโชคดีเหลือเกินแล้ว 

แต่ความจริงคือพบทางพ้นทุกข์นั้นยากกว่า 
และโชคดีกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ 
เพราะความรักเป็นสิ่งที่เจืออยู่ด้วยความว้าวุ่น 
และต้องยุติลงด้วยการจากเป็นหรือจากตาย 
แต่ความพ้นทุกข์มีแต่ความสงบที่เต็มบริบูรณ์ 
กับทั้งเป็นอมตะอย่างแท้จริง ไม่มีการพรากจากอีกเลย"



"คนเราไม่เคยพร้อมจะตายเพื่อบูชารักเลย 

แต่จะเป็นจะตายเมื่อความรักไม่ได้อย่างใจมากกว่า

มนุษย์เป็นสัตว์มีเหตุผล 
ทว่าก็อาจเอาแต่ใจ
และใช้อารมณ์ได้รุนแรงที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งปวง

มนุษย์มักใช้ชีวิตอย่างคนอวดดี 
แต่ก็ไม่ค่อยมีดีไปตายกัน!
นี่แหละมนุษย์..."




"อย่ามัวแต่กลัวเขาจะส่งปีศาจมาหาเรา

กลัวตัวเราเองเถอะนะลูกนะ 
แค่สั่งสมนิสัยช่างก่นด่าและสาปแช่งให้มาก 
พลังของคําร้ายๆก็จะเหมือนมนต์เรียกปีศาจ
มาเป็นนายทางความคิดได้ โดยที่ลูกไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวอยู่แล้ว"

"มันยั่วให้หนูโกรธ แล้วก็ทำตัวสมควรถูกแช่งนี่เจ้าคะ"

"ลูกเอ๋ย เขาทําตัวอย่างไรถือเป็นเรื่องธรรมดาของเขา 
แต่ที่ลูกทําให้เขาดีขึ้นหรือเลวหนักกว่าเดิม 
ถือเป็นกรรมที่ไม่ธรรมดาของเรา
ลูกว่าลูกสาปแช่งแล้วเขาจะดีขึ้นไหม? 
ลูกก่นด่าแล้วเขาจะอยากกลับตัวกลับใจหรือเปล่า?"

"ไม่เลยเจ้าค่ะ"

"นั่นแหละ... ทางที่ดีลูกสร้างนางฟ้าขึ้นมาในตัวลูกเองก่อน 
เพื่อเอามารบกับมารในตัวเขาในภายหลัง 
อย่าเอามารในลูกเดี๋ยวนี้ไปรบกับมารในเขาเดี๋ยวนี้ 
เพราะที่สุดแล้ว มารเท่านั้นจะดำรงอยู่ โดยไม่มีใครได้เป็นสุข"