เด็กบังเอิญ

"...บทความต่างๆ ผมได้อ่านมาจากหนังสือต่างๆ และรวมรวมมาจากเว็บต่างๆด้วยและได้ยินมาด้วย ผมจึงรู้สึกว่า คำเหล่านี้และบทความเหล่านี้ อาจช่วยให้ เราได้ข้อคิดให้กำลังใจในการใช้ชีวิตบนโลกกลมๆใบนี้อย่างมีความสุขในสิ่งที่ดี งามสามารถหยิบเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่มากก็น้อยสมควรแก่ผู้สนใจครับ ... ขอขอบคุณทุกคน ณ โอกาสนี้ครับ...." ສະບາຍດີ (เด็กบังเอิญ...)

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรียงความประวัติของฉัน

   ทุกคนต่างมีภูมิความหลังแต่ละคนแตกต่างกันแต่ละคนอยากหยุดช่วงเวลาแห่งความสุขสนุกสนานเอาไว้ ทว่าคงไม่มีใครหยุดยั้งยื้อกาลเวลาให้หยุดเดินหน้าได้ เราทำได้เพียงเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆเอาไว้ในความทรงจำเท่านั้น ข้าพเจ้าเองก็เหมือนคนอื่นๆที่มีประวัติเรื่องราวแห่งชีวิตทั้งสุขและทุกข์คลุกเคล้ากันไป ข้าพเจ้าจะขอเล่าประวัติส่วนตัวพอสังเขป

ข้าพเจ้าชื่อ ............ชื่อเล่น หรั่ง  เกิดเมื่อ วันศุกร์ ที่  เดือนเมษายน ปีระกา พ.ศ. ๒๕๓๖ ข้าพเจ้าเป็นบุตรคนที่ ๒ มีพี่น้องทั้งหมด ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑ อาศัยและเติบโตที่ บ้านเลขที่ ๑๔๕ หมู่ ๖ ตำบลไทยสามัคคี  อำเภอหนอหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ข้าพเจ้าเติบโตมาจากครอบครัวเล็กๆที่แสนอบอุ่นท่ามกลางธรรมชาติมีทิวทัศน์ป่าข้าว บรรยากาศแสนบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าเป็นคนร่าเริงแจ่มใสรักความสงบไม่ชอบเสียงดังและเป็นคนชอบมีโลกส่วนตัว เป็นคนช่างพูดพูดมากนั้นเองได้พูดก็จะพูดไม่ค่อยหยุดจนเพื่อนต้องบอกให้หยุดได้แล้ว แต่เวลาข้าพเจ้าไม่พูดก็จะไม่ค่อยพูดเลย ข้าพเจ้าเห็นคนอื่นยิ้มหัวเราะแล้วมีความสุขไปด้วย ข้าพเจ้ามักจะหาเรื่องมาพูดคุยและตั้งคำถามเพื่อให้เพื่อนๆมีส่วนร่วมอยู่เสมอ เป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่งแต่ก็ไม่ถึงกับโง่
   ตอนข้าพเจ้ามีอายุได้ ๕ ขวบได้เข้าเรียนครั้งแรก ที่โรงเรียนบ้านขามเสม็ดบำรุง ได้เจอเพื่อนมากหน้าหลายตาแต่ข้าพเจ้าก็งอแงทุกวันจากที่เคยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ก็ต้องมาอยู่ในความดูแลของคุณครูแต่นานวันเข้ารู้สึกชินก็เลิกงอแงอยู่กับเพื่อนได้อย่างปรกติสุข ข้าพเจ้าเป็นคนหลงลืมบ่อยๆเอาของไว้ที่หนึ่งไปหาอีกที่หนึ่ง รองเท้าคุณแม่ต้องซื้อให้บ่อยมากๆ พอข้าพเจ้าขึ้นชั้นประถมศึกษาก็มีเพื่อนมากขึ้นรู้จักรับผิดชอบของตนเองมากขึ้นแต่ข้าพเจ้าอ่านหนังสือไม่ค่อยออกคุณครูมักจะให้กลับหลังเพื่อนตลอดเวลาเพื่อที่ครูจะให้ข้าพเจ้าอ่านหนังสือให้ฟังก่อนกลับบ้านทุกวัน พอกลับจากโรงเรียนมาคุณแม่ต้องถามข้าพเจ้าตลอดถ้าคุณแม่อยู่บ้านว่า  “ วันนี้มีการบ้านไหม คุณครูสอนอะไรบ้าง ”? และคุณแม่มักกำชับให้อ่านหนังสือทุกวันแล้วกราบหนังสือสามครั้งก่อนนอนทุกที  นี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าชอบการอ่านหนังสือจนถึงปัจจุบันนี้โดยไม่คิดว่า เป็นการฝืนใจบังคับให้อ่าน ข้าพเจ้าคิดถึงเวลานี้คราวใดก็มีความสุขใจตลอดเวลาเป็นกาลเวลาที่อบอุ่นละมุนละไมยิ่งนัก
    พอข้าพเจ้าขึ้นชั้นประมัธยมศึกษาเพื่อนก็เยอะมากกว่าตอนเรียนประถม  ข้าพเจ้าได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการนักเรียนตอนมัธยมศึกษาปีที่สามและข้าพเจ้าได้ไปแข่งทักษะวิชาการตัดปะจากเศษวัสดุกับเพื่อน ข้าพเจ้าก็ชอบศิลปะอยู่หรอกแต่ไม่ถนัดด้านนี้  ข้าพเจ้าชอบสังคมศึกษามากกว่าเพื่อรักษาน้ำใจอาจารย์ข้าพเจ้าก็ไม่กล้าปฏิเสธออกไป แต่ข้าพเจ้าก็ตั้งใจฝึกซ้อมทุกวันได้ไปแข่งลำดับกลุ่มโรงเรียนก็ได้ลำดับที่หนึ่งดีใจมากกับเพื่อนที่ชนะเลิศ และได้ไปแข่งต่อลำดับเขต คราวนี้ได้ลำดับที่สอง ข้าพเจ้าจบการศึกษาจากโรงเรียนบ้านขามเสม็ดบำรุง เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๒
    ข้าพเจ้าได้มาศึกษาต่อที่ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดโสธรวราราม  ต่อมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ข้าพเจ้ามาศึกษาที่นี้ไกลจากคุณพ่อคุณแม่มากบางครั้งข้าพเจ้าจะนั่งดูดาวที่ขอบหน้าต่างคิดถึงบ้าน ที่นี้ไม่มีเสียงแม่คอยถามว่า มีการบ้านไหม คุณครูสอนอะไรบ้าง ข้าพเจ้าอยากกลับบ้านยิ่งนัก  แต่เพื่ออนาคตของตนเองและครอบครัวที่พ่อแม่วาดหวัง ทำให้ข้าพเจ้าอยู่ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมได้จนถึงทุกวันนี้ ที่โรงเรียนปริยัติธรรมเรียนหนักมากเรียนสามแผนกคือ สายสามัญ  นักธรรม และบาลี โดยเฉพาะภาษาบาลีข้าพเจ้าต้องเลิกเรียนสามทุ่ม หยุดเรียนวันพระกับวันโกน วันที่ข้าพเจ้าสอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค  ข้าพเจ้าดีใจมากคุณพ่อคุณแม่ได้มาถวายช่อดอกไม้ให้และถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนสามเณรเป็นวันที่ข้าพเจ้าปลื้มปิติยิ่งนักอีกวันหนึ่ง ข้าพเจ้าจบการศึกษาจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดโสธรวรามเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕  ปัจจุบันข้าพเจ้ากำลังศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่ วิทยาลัยสงฆ์พุทธโสธร มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คณะครุศาสตร์ปี๒ เอกสังคมศึกษา เวลายามว่างของข้าพเจ้าส่วนมากแล้วก็จะอ่านหนังสือจำพวกวรรณกรรม ธรรมะประยุกต์  หนังสือที่มีความสนุกสนานเชิงความรู้และสร้างสรรค์ข้าพเจ้าชอบสีเขียวอ่อนเป็นพิเศษแม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป เรื่องราวของข้าพเจ้าก็มีคุณค่าและมีความหมายกับข้าพเจ้าเสมอยิ่งกาลล่วงเลยไปยิ่งทำให้ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ชีวิตไปตาม

       หนทางข้างหน้าอย่างแน่วแน่แข็งแกร่งต่อทุกอย่างยังเหมือนเป็นเครื่องเตือนใจให้ยิ่งก้าวเดิน ไปตามหนทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ และแน่วแน่ ที่ผ่านมาอาจจะมีทั้งอุปสรรคและขวากหนาม แต่มันก็เป็นแบบทดสอบหนึ่งของหนทางแห่งความสำเร็จ ......ชีวิตคนเราก็เหมือนข้อสอบที่มีทั้งยากและง่ายมีทั้งตอบถูกทั้ง2 ข้อและถูกทุกข้อ ..... งานส่งอาจารย์อัญชลี 4/12/56



วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อย่าลืมว่า ชีวิต


ชีวิต

“ชีวิตนี้อุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาหาเรา เข้ามาหาเรา จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้ จงแก้ไขมัน เพื่อที่เราจะได้เหยียบมัน เพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ 
“อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้าม” ถ้าเราก้าวข้ามได้เราจะได้รับความแข็งแกร่งขึ้นมา ดังคนออกกำลังกายบ่อยๆๆไม่รู้สึกเหนื่อยง่าย

เป็นกำลังใจให้กับทุกๆคน ที่เจออุปสรรคจะมากบ้างหรือน้อยบ้าง จงทำให้ดีก็แล้วกัน



วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วันเก่าๆ








"อย่าติดกับวันที่ดีเก่าๆ 
อย่าอยู่กับความคุ้นเคยเก่าๆ 
อย่าให้วันคืนที่ดีเก่าๆมันทำร้าย 
เปิดดวงใจของเธอค้นหาสิ่งที่เธอนั้นคอยไขว่คว้า 
ให้เวลารักษาและพาให้พบ...กับวันใหม่"//

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

รู้ แรง

...ลักการสร้างคนรุ่นใหม่ให้สามารถ 
ต้องรวมปราชญ์รวมศาสตร์ที่หลากหลาย 
ทำงานร่วมรวมพลังทั้งใจกาย 
เปรียบดังควายไถนาอยู่เคียงคู่กัน 
...
ควายหนึ่งคือควายแรงเป็นควายรุ่น 
ช่วยดันดุนหนุนแรงอย่างแข็งขัน 
อุตสาหะมานะสร้างสารพัน 
ร่วมผลักดันพร้อมเรียนรู้คู่องค์กร 
...
อีกควายหรือคือควายเฒ่าเรียกควายรู้ 
เปรียบดังครูผู้ชี้นำคำสั่งสอน 
ประคับช่วยประคองให้ไม่สั่นคลอน 
ดุจภัสสรส่องสว่างหนทางไกล 
...
จึงต้องรวมพลังคู่มุ่งสู่หนึ่ง 
สร้างควายซึ่งรู้คู่แรงแปลงพันธุ์ใหม่ 
เติมความรู้คู่หลักคิดเสริมจิตใจ 
ควายพันธุ์ไทยก้าวไกลในสากล

พระพรหมบัณฑิต...