เด็กบังเอิญ

"...บทความต่างๆ ผมได้อ่านมาจากหนังสือต่างๆ และรวมรวมมาจากเว็บต่างๆด้วยและได้ยินมาด้วย ผมจึงรู้สึกว่า คำเหล่านี้และบทความเหล่านี้ อาจช่วยให้ เราได้ข้อคิดให้กำลังใจในการใช้ชีวิตบนโลกกลมๆใบนี้อย่างมีความสุขในสิ่งที่ดี งามสามารถหยิบเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่มากก็น้อยสมควรแก่ผู้สนใจครับ ... ขอขอบคุณทุกคน ณ โอกาสนี้ครับ...." ສະບາຍດີ (เด็กบังเอิญ...)

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556



วันนี้ได้ค้นหาวลีเด็ดมาให้อ่านกันครับ ....

"คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต"


-- ขงเบ้ง -



"สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความรัก ไม่ใช่ความเกลียดชัง แต่เป็น 'ความไม่สนใจ' ตะหาก"

-- แม่ชีเทเรซ่า --




"ถ้าหากเราไม่มัวไปยุ่งอยู่กับคำพูดและการกระทำของคนอื่น 
ในใจของเราก็จะมีความสงบสุขมากยิ่งขึ้น"

-- โทมัส เอ เคมพิส -- นักเทววิทยาชาวเยอรมัน


ผู้ที่ประสบความสำเร็จและมีความหวังอันเปี่ยมล้นนั้น ไม่ใช่คนฉลาดโดดเด่นเหนือใคร
เพียงแต่เขาเป็นผู้รู้จักใช้เวลาได้อย่างดีที่สุด และเป็นผู้รู้จักใช้เวลาได้อย่างดีที่สุด
และเป็นผู้พยายามเสาะแสวงหาสิ่งใหม่ๆ
...........โสเครติส นักปรัชญากรีก.............

"จงจำไว้เสมอว่า คุณไม่เคยเป็นที่ 1 แต่คุณคือ 0 เพราะ 0 มาก่อน 1 เสมอ"

-- สตีฟ จอบส์ --






"ความล้มเหลวที่สุด คือการไม่กล้าแม้แต่จะลองทำ"

-- เซอเรน เคียร์เคอกอร์ -- # นักปรัชญาชาวเดนมาร์ก







" คนเราต่างก็ปรารถนาในสิ่งมหัศจรรย์ แท้จริงแล้วตัวเราเองก็คือสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่เหมือนใครเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาล... เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้แล้ว ชีวิตของเราก็เต็มไปด้วยความสำเร็จและความยินดี"

-- ฟรานซิส เบคอน -- # นักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาชาวอ
ังกฤษ






"จงถนอมนาทีให้ดี แล้วชั่วโมงจะถนอมมันเอง"

-- จิมเบิร์ต คีธ เชสเดอร์ตัน -- # นักเขียนชาวอังกฤษ







 Life isn't as easy as it seems,
           but its not as difficult as we think.

           ชีวิตไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราเห็น แต่มันก็ไม่ได้ยากเหมือนที่เราคิดหรอก




Don't waste your time on jealousy.
           Sometimes you're ahead.
           Sometimes you're behind.
           The race is long and in the end, it's only with yourself.

           อย่าเสียเวลาชีวิตไปกับความอิจฉาใครต่อใคร
           บางครั้งเราก็เดินแซงหน้า บางครั้งเราก็เดินตามหลังคนอื่น
           การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไปอีกยาวไกลนัก
           แต่สุดท้ายเมื่อจุดจบมาถึงเมื่อไหร่ เราจะเหลือแค่ตัวเราเอง






No one can hurt you without your consent.

           ไม่มีใครทำให้คุณเจ็บปวดได้ ถ้าคุณไม่ยอมรับมันเอง





Life becomes so much better when you decide not to care.
           Just live for the moment and don't let the drama bring you down.

           ชีวิตจะดีขึ้นเยอะ เมื่อคนเรารู้จักปล่อยวาง
           จงมีชีวิตอยู่เพื่อปัจจุบัน และอย่าปล่อยให้ความรู้สึกที่เลวร้ายมาทำร้ายคุณ




The consequences of today are determined by the actions of the past.
           To change your future, after your decisions today.

           ผลลัพธ์ที่ปรากฎในปัจจุบัน ถูกกำหนดจากการกระทำในอดีต
           หากคุณอยากจะเปลี่ยนอนาคต จงกำหนดมันเสียตั้งแต่ตอนนี้




Always forgive but never forget,
           learn from your mistakes but never regret.

           จงให้อภัยได้ แต่อย่าลืม
           จงเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ แต่อย่าเศร้าโศกกับมัน




Whatever makes you feel bad, leave it.
           Whatever makes you smile, keep it.

           อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี จงปล่อยมันไป
           แต่อะไรที่ทำให้คุณยิ้มได้ จงรักษามันไว้เถอะ



Don't waste time on people who see you as you were instead of you are.
           If they can't let go of the past, let go of them.

           อย่าเสียเวลากับคนที่มองสิ่งที่คุณเคยเป็นมากกว่าสิ่งที่คุณเป็นในตอนนี้
           ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถปล่อยอดีตให้ผ่านไปได้ ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ



10 วลีคิดบวก คนอยู่ตรงหน้าคุณสำคัญเสมอ

1. I'm wrong - ฉันผิดเอง 
2. I'm sorry  - ฉันขอโทษ 

3. You can do it - คุณทำได้!!! 
4. I believe in you - ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ 

5. I'm proud of you - ฉันภูมิใจในตัวคุณ
6. Thank you - ขอบคุณ 

7. I need you - ฉันต้องการคุณ
8. I trust you - ฉันเชื่อใจคุณ 

9. I respect you - ฉันนับถือคุณ
10. I love you - ฉันรักคุณ   

แด่คำพูดดี ๆ ที่สะท้อนมาจากความคิดอันงดงาม
แด่ความคิดดี ๆ ที่อยากให้ผู้อื่นรอบ ๆ มีความสุข 



นิวตันเองค่อนข้างจะถ่อมตัวกับความสำเร็จของตัวเอง ครั้งหนึ่งเขาเขียนจดหมายถึงโรเบิร์ต ฮุก ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1676 ว่า:
ถ้าฉันสามารถมองได้ไกล นั่นก็เพราะฉันยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์
If I have seen further it is by standing on the shoulders of giant


อุปสรรคมีไว้ให้ทำลาย
เครื่องขวางมีไว้ให้ป่ายปีน
ทุกเส้นทางมีความยาก
ทุกความลำบากมีรางวัลรอ

เมื่อว่างจากความท้อ
ก็ว่างจากการรอเปล่า
แต่ประจุเต็มด้วยความหฤหรรษ์
ผายผันจากก้าวแรกไปสู่ก้าวที่สอง
มองเห็นก้าวสุดท้ายเป็นภาพจริง
ที่สิงสู่อยู่ในทุกก้าวเดินอันทรงพลัง

คนที่เอาแต่นั่งเท้าคางรอ
หวังว่าความก้าวหน้าจะถลามาหาเอง
คือคนที่ไม่เคยสำรวจความเป็นมนุษย์
ไม่เคยขุดค้นสมบัติในตน
ในที่สุดจะเป็นคนคนหนึ่ง
ที่เข้าแถวเรียงเตรียมไหลลงต่ำ
สู่ความเสื่อมจากศักยภาพ
หรือสู่ความเสื่อมจากภูมิมนุษย์
ที่มา http://dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=category&id=57&Itemid=278





ดีที่สุดในกระดาษ


นักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งดุ่มเดินเข้าไปหาบรรณารักษ์ด้วยสีหน้าเซ็งๆ
ผมไม่อยากเสียเวลาเปล่าอ่านหนังสือไร้ค่า ช่วยแนะนำหนังสือที่ดีที่สุดในโลกให้ผมหน่อย
“เสียใจ… เขาห้ามบรรณารักษ์พูดว่าหนังสือเล่มไหนดีที่สุด”
ไหงงั้นล่ะ?
“เพราะหนังสือดีที่สุดต้องทำให้คนอ่านดีขึ้น แต่เรายังไม่เจอหนังสือเล่มไหนทำให้ทุกคนดีขึ้น คุณอาจดีขึ้นจากการอ่านหนังสือที่ใครๆตัดสินว่าแย่ก็ได้”
งั้นมีหลักเกณฑ์ชี้ไหมว่าหนังสือที่ดีที่สุดในโลกสำหรับผมต้องเป็นอย่างไร?
“ข้ามคำถามนั้นไปก่อน เอาคำถามนี้แทน ชีวิตคุณต้องการอะไร?”
ผมไม่รู้
“โอเค อย่างนี้ต้องอ่านหนังสือที่กระตุ้นให้คุณรู้ว่าชีวิตนี้คุณต้องการอะไร”
โอ้! เข้าใจล่ะ ผมควรไปที่ตู้หนังสือหมวดไหน?
“ถ้าคุณชอบศาสนา หนังสืออาจอยู่ในหมวดศาสนา ถ้าคุณชอบการ์ตูน บางทีมันอาจอยู่ในหมวดการ์ตูน”
งั้นผมจะลองไปหาในหมวดการ์ตูนก่อน แต่เอ! ถ้าผมอ่านหนังสือเล่มนั้นและทำให้ผมรู้แล้วว่าต้องการอะไรในชีวิต หนังสือเล่มนั้นก็ไม่ดีที่สุดในโลกสำหรับผมอีกต่อไปล่ะสิ?
“ถึงเวลานั้นคุณต้องตอบคำถามตัวเองใหม่”
คำถามว่าอะไร?
“ทำยังไงจะได้สิ่งที่ต้องการ”
เออ จริง! หนังสือที่กระตุ้นให้อยากได้ กับหนังสือที่แนะวิธีให้ได้มา ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเล่มเดียวกัน
“นั่นแหละความจริงที่น่าเสียดาย”
มันควรจะอยู่ในหมวดหนังสือฮาวทูกระมัง?
“บางครั้งหนังสือฮาวทูก็ไม่ได้สอนวิธีทำ อาจแค่เล่าให้ฟังว่าคนเขียนมีประสบการณ์มาอย่างไรเท่านั้น”
เห็นด้วย! หนังสือบางเล่มแค่สอนให้หลอกตัวเอง น่าสงสัยว่าคนเขียนเคยหลอกตัวเองสำเร็จหรือเปล่าด้วยซ้ำ
“เอางี้ดีกว่า เกิดมาคุณเคยเจอใครที่น่าเชื่อถือบ้าง?”
ขอเบะปากตอบว่าไม่เคย
“เพราะอะไร?”
บางคนดูไม่น่าเชื่อถือแต่แรก บางคนดูน่าเชื่อถือแต่ก็ท่าดีทีเหลวในภายหลัง
“แปลว่าคนที่น่าเชื่อถือที่สุด พากันทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเองก่อนตาย?”
ก็ไม่แน่ ไอแซค นิวตันต้องตายไปเป็นร้อยๆปีก่อนโดนไอน์สไตน์เกิดมาทำลายความน่าเชื่อถือบางทฤษฎีของเขา แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าไอน์สไตน์คิดอะไรไว้ผิดบ้าง จนกว่าจะมีคนพิสูจน์ได้ในอนาคตเป็นร้อยๆปีข้างหน้า
“แล้วถ้าทฤษฎีของใครไม่ถูกทำลายล้างได้เลยเป็นพันๆปีจนถึงปัจจุบันและต่อไปในอนาคตล่ะ?”
คนนั้นก็คงน่าเชื่อถือจริงมั้ง ถ้าผมจะอ่านงานของคนๆนั้นก็คงต้องเผื่อใจเชื่อมากหน่อย
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำให้ลองอ่านสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสดู ท่านมีทั้งคำที่จะทำให้คุณนึกออกว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร แล้วก็มีทั้งวิธีการเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา นอกจากนั้นความน่าเชื่อถือของท่านยังยืนยงมาเกือบสามพันปี เพราะทุกคนพิสูจน์ความจริงได้ก่อนตาย ยุคนาโนเทคโนโลยีของเรายังทำลายความน่าเชื่อถือของท่านไม่ได้ ทั้งด้านที่ท่านแสดงความจริงระดับใหญ่เกี่ยวกับดวงดาวในจักรวาล และทั้งด้านที่ท่านแสดงความจริงระดับเล็กเกี่ยวกับตัวอ่อนอันเป็นกำเนิดมนุษย์ ตลอดจนกระทั่งวิธีดำเนินจิตเพื่อเข้าถึงความบริสุทธิ์สว่าง เป็นอิสระจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง”
แล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าอันไหนพระพุทธเจ้าพูด อันไหนคนอื่นพูดให้นึกว่าพระพุทธเจ้าพูด?
“คุณควรอ่านบันทึกชิ้นแรกที่น่าเชื่อถือที่สุด คือพระไตรปิฎก”
ผมจะอ่านเข้าไปอย่างไรไหว? เนื้อหาตั้งหลายสิบเล่มโตๆ แถมไม่มีสารบัญ ไม่มีลำดับง่ายไปหายาก
“ก็อ่านที่ผู้รู้ท่านเรียบเรียงไว้สั้นๆง่ายๆ อย่างเช่นพระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชนของอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ”
ผมจะหาตัวอย่างหลักฐานเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้จากไหน?
“จะหาไปทำไม?”
เอาไว้เป็นแรงบันดาลใจ
“หนังสือทำให้คุณได้คิด การได้คิดนั่นแหละแรงบันดาลใจ ทำไมต้องรอตัวอย่างจากคนอื่น ในเมื่อคุณเป็นตัวอย่างให้คนที่เขายังไม่ได้รับแรงบันดาลใจอย่างคุณ”
ผมอ่อนแอเกินกว่าจะดูดเอาความเข้มแข็งมาจากหนังสือ
“ความอ่อนแอเกิดจากการคิดมาก ถ้าหากคิดน้อยลงคุณจะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม”
การอ่านหนังสือจะไม่ทำให้คิดมากได้อย่างไร?
“คุณต้องหัดทำมากกว่าอ่าน แต่ควรอ่านก่อนหัดทำ”
จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อผมชอบอ่านมากกว่าทำกิจกรรมอื่นใดในชีวิต
“คุณถึงต้องการหนังสือดีที่สุด ที่ทำให้คุณคิดออกว่าต้องการของจริงแบบใดมากกว่าของปลอมในกระดาษ”


หนังสือที่ดีที่สุดไม่มี
มีแต่การอ่านที่ดีที่สุด
การอ่านที่ดีที่สุด
คือการอ่านเพื่อทำชีวิตจริงให้ดีขึ้น
คุณดังตฤน


คิดบวกไม่ใช่การหลอกตัวเราว่าไม่มีปัญหา
แต่สอนให้เรามีสุขได้ภายใต้ปัญหาที่มีอยู่

อย่าอยากได้อะไรเกินพอ
เพราะไม่มีอะไรพอ..สำหรับคนที่ไม่รู้จักพอ
-   ว.วชิรเมธี

            ถ้าคุณซื้อแต่สิ่งของไม่จำเป็น
ในไม่ช้าคุณต้องขายสิ่งของที่จำเป็น
-   วอร์เรน บัฟเฟตต์

            

                  

                   
                  
                    ขณะที่คนมากมายจ้องดูว่าคุณบินสูงแค่ไหน
                   มีเพียงน้อยคนที่ห่วงใยว่าคุณบินเหนื่อยไหม
                -   เจิ้ง ชินเหยา

                  
เข้าใจคน..จะได้บริวาร
เข้าใจงาน..จะได้ผลสัมฤทธิ์
เข้าใจชีวิต..จะได้มีความสุข
เข้าใจทุกข์..แสดงว่าเริ่มเข้าใจธรรม


ความเสียใจ..คนอื่นอาจเป็นคนทำ
แต่ถ้าเสียใจไม่จบสิ้นนั้น..เราทำตัวเราเอง

ความสุขถ้าแบ่งปันกันก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า
ความทุกข์ถ้าแบ่งปันกันจะลดลงครึ่งนึง

Impossible >> I’m possible >> ถ้าตัวเราเดินหน้า สักวันหนึ่งก็จะเป็น
ไปได้





เพื่อนก็เหมือนดาวบนท้องฟ้า..แม้ไม่เห็นตลอดเวลา แต่ก็รู้ว่าท้องฟ้ายังมีดาว
อย่าเดินนำหน้าฉัน. ฉันอาจตามไม่ทัน
อย่าเดินอยู่หลังฉันฉันอาจไม่นำเธอ
เพียงขอแค่เราเดินเคียงข้างกัน สิ่งสำคัญโปรดจำไว้ เราเป็นเพื่อนกัน ... 


การยอมแพ้ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอเสมอไป
บางครั้งมันหมายความว่าคุณเข้มแข็งที่จะปล่อยให้บางอย่างผ่านไป



                            David W. Johnson (1997) กล่าวว่า
                        ถ้าท่านต้องการเพื่อน จงเป็นเพื่อนของผู้อื่น
                        ถ้าท่านต้องการความห่วงใย จงให้ความห่วงใยแก่ผู้อื่น
                        ถ้าท่านต้องการคำปลอบโยน จงให้คำปลอบโยนแก่ผู้อื่น

ปัจจุบัน" ... กำหนด ... "อนาคต"
"อดีต" คือ ... "สมุดจด" สิ่งที่ ... "ผิดพลาด"
ถ้าเอา ... "อดีต" มาปนกับ "ปัจจุบัน" ไม่เคยขาด
แล้ว ... "อนาคต" จะวาด ... "ขึ้นได้" อย่างไรกัน ...

ขาดเธอ (ไม่) ขาดใจ


ขาดเธอ (ไม่) ขาดใจ                                      



                                                                                                                                                mayrin
บางคนคิดว่าการที่หลบแสงแดดรักที่กำลังแผดเผา
ไปอยู่ใต้ร่มเงาของวัดแล้ว ทำให้ไม่คิดอะไรเพราะไม่มีสิ่งมากระทบ
เหมือนการที่เราหนีปัญหาก็ดูจะมีความจริงอยู่ส่วนหนึ่งค่ะ
เพราะบรรยากาศในวัดย่อมสงบเย็นช่วยเกื้อกูลจิตเรา
มีกำแพงวัดเป็นปราการ
ลดความรุนแรงจากการไหลปะทะเข้ามาของกระแสกิเลสอันเชี่ยวกรากภายนอก
แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใดก็ตาม ถ้าจิตเราไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน
คอยพะวงคว้านหาคล้อยตามภาพในอดีต แม้ยามเผลอสติเพียงชั่วพริบตา
ก็พร้อมที่จะกระเทือนไหวปรุงแต่งไปตามสิ่งที่มากระทบอยู่ตลอดเวลาแล้ว
ทุกข์ก็บังเกิดขึ้นได้ทุกแห่งหน
เมื่อทราบว่า จิตเราขาดกำลังที่จะต้านทาน
ยังมีความอ่อนไหว อ่อนแอ ต่อสิ่งกระทบแม้เพียงเล็กน้อย
ก็พึงป้องกันเหตุอันจะเกิดเสีย
ปิดช่องทางอันจะทำให้ทุกข์กำเริบ สิ่งใดที่พึงเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง
ไม่จดจ้องมอง ไม่รับรู้รับฟัง เรื่องราวของเขาโดยไม่จำเป็น ยุติจิตที่สอดส่ายค้นหา
ไม่ให้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี้เป็นประตูให้ทุกข์คืบคลานเข้ามา
ทุกครั้งที่เผลอไผล ก็รีบดึงสติของตัวเองกลับมา
หายใจเข้าออกแรงๆ ให้รู้ตัวโดยไว
ถามตัวเองว่า เรากำลังทำอะไรอยู่
ถ้ารู้สึกว่าจิตฟุ้งซ่านเกินระงับ ก็เอนตัวพักบนเก้าอี้ แล้วหลับตาลง
ค่อยๆ ผ่อนคลาย หายใจเข้าช้าๆ และผ่อนลมหายใจออก
มีสติรู้อยู่ที่ลมหายใจของเรา รู้ว่า เรากำลังหายใจเข้า ออก
มีลมผ่านเข้าออกทางช่องจมูก
สักพักหนึ่งจิตเราก็สงบระงับ เบาสบายขึ้น
จะเห็นว่า เรายังมีลมหายใจ หายใจเองได้อยู่
แม้ไม่มีเขา ก็ไม่ได้ทำให้ลมหายใจของเราหมดไป
ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะนำชีวิต อนาคต
และความสุขทั้งมวลของเราไปฝากไว้กับผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นเพียงคนรักในอดีตทำไม
ปัจจุบัน เขาไม่ใช่คนรักของเรา ไม่ใช่สามีของเราแล้ว ไม่ใช่ผู้ที่เราควรไปอาลัยหา
ก่อนหน้าที่มาจะเป็นสามีเรา เขาก็เป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
ซึ่งครั้งนั้นเราก็มีชีวิตของเราอยู่มาได้ด้วยลมหายใจตัวเอง และมีชีวิตที่เป็นปกติสุข
แล้วทำไมเราจะอยู่ต่อไปไม่ได้?
การเป็นสามีภรรยา ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีวันพรากจาก
เพราะอย่างไรในวันหนึ่งข้างหน้า
เขาและเราเมื่อหมดลมหายใจ ต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตน
เราไม่อาจยื้อยุดฉุดมือเขาไว้ได้ แม้แต่หญิงคนใหม่ของเขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน
หญิงคนนั้นก็มีโอกาสอยู่กับเขาแค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าจะยาวนานเพียงใด
เพราะมัจจุราชไม่ได้บอกกล่าวแก่ใครล่วงหน้า ทุกอย่างเป็นตามกรรมของแต่ละคน
เรื่องของเขา ชีวิตของเขา กรรมของเขา เราไม่ควรไปให้ความสนใจแบกรับ
เราพึงทำกิจของเราให้พร้อม ไปสู่สถานที่ที่มีโอกาสสร้างกุศล
หมั่นเพียรสร้างหยอดกระปุกบุญ แม้เพียงครั้งละเล็กน้อย
เต็มเสบียงกุศลของเราให้เต็ม และหมั่นระลึกกรรมดีที่ได้เคยกระทำมาให้บ่อยขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ
ปัญหาทุกอย่างย่อมมีวันสิ้นสุด ขอเพียงเรามีกำลังใจไม่ท้อถอยในการสร้างกรรมดีค่ะ



............ข้อคิดดีๆจาก พระมหาสมปอง....................


- นึกเสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับเรา 3 ชั่วโมง 


- ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่ 


- หลับตานิ่งๆ ซัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรตรงหน้ามันช่างยากจัง 


- ระหว่างแปรงฟันถ้าฮัมเพลงด้วยไปจนจบจะทำให้ฟันสะอาดขึ้น 2 เท่าแน่ะ 


- เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก็จะอร่อยขึ้นเยอะ 


- ควรหัดพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า “จะเอายังไง” 


- สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้สามารถเล่าให้มันฟังได้นะ 


- อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด 


- เขียนชื่อคนที่เธอเกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ 


- ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้มา 


- ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อย 3 ข้อก่อน 


- ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าสลับกันไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนจะเยอะขึ้น 


- เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้รับ ดีกว่าคนที่ได้รับเยอะจนจำชื่อคนให้ไม่หมด 


- ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น 


- แอบรักใครสักคน ยังไงก็ดีกว่าไม่เคยรู้ว่า “ความรัก” เป็นยังไง 


- ถึงจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นี่ 


- พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม อาจไม่สนุกแต่มีประโยชน์แฝงอยู่ 


- วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะทำนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกายน่ะ 


- รู้รึเปล่าว่าดอกไม้ที่บานอยู่กับต้น ยังไงก็อยู่ได้นานกว่าบานในแจกัน 


- ทะเลาะกับใครๆ พร้อมรอยยิ้ม เรื่องราวจะจบง่ายกว่าที่คิดเยอะ 


- เอารูปตัวเองตอนเด็กๆ มาดูตอนเครียด อารมณ์จะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ 


- พยายามหาข้อบกพร่องของคนที่เธออิจฉาอย่างน้อยก็มีข้อปลอบใจตัวเองบ้าง 


- โทรไปหาแฟนแล้วพูดแค่คำเดียวว่า “คิดถึง” พอวางสายแล้วต้องยิ้มทั้งคู่ 


- ในวงสนทนาถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไร รอยยิ้มสามารถช่วยแก้สถานการณ์ได้ 


- ค่อยๆ เดินทอดน่องแบบสบายๆ ในวันที่ไม่มีธุระให้ต้องไปสะสาง 


- ซื้อของฝากทุกคนในบ้าน ก็เหมือนกับการซื้อของฝากตัวเองนั่นแหละ 


- จะหน้าตายังไงก็แล้วแต่ ถ้าทิ้งขยะลงพื้นก็กลายเป็นขี้เหร่ได้ทันตาเห็น 


- นั่งสมาธิให้นานๆ และบ่อยๆ ก็ทำให้ผิวสวยขึ้นได้เหมือนกัน 


- นอกจากตอนที่เคี้ยวข้าวแล้ว ไม่ว่าก่อนหรือหลังกินก็หัวเราะได้อร่อย 


- จินตนาการถึงเรื่องที่อยากมีหรืออยากเป็นคือยานอนหลับอย่างหนึ่ง 


- อ่านหนังสือหรือการ์ตูนโปรดเป็นการเติมน้ำมันให้ตัวเองอย่างดี 


- ยังไม่มีใครเคยแย้งว่า การอาบน้ำไม่สามารถคลายเครียดได้จริงๆ 


- ก่อนจะด่าใครให้นับ 1 ถึง 50 เผลอๆ อาจจะไม่อยากด่าแล้วก็ได้ 


- ไม่ต้องทำยังไงกับเพื่อนที่หักหลังก็แต่อย่าเรียกเค้าว่าเพื่อนก็พอแล้ว 


- รักครั้งแรกส่วนใหญ่ก็อกหักทั้งนั้น น่าจะดีใจที่ไม่แปลกกว่าชาวบ้านเค้า 


- การที่ทำของหายอาจเป็นการใช้หนี้จากชาติที่แล้วให้คนอื่นที่เก็บมันได้ 


- ถึงจะไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าซักบาท ยังดีกว่าไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ตั้งเยอะ 


- หนี้ที่โดนเบี้ยวไป ทำให้เรารู้จักใครบางคนดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลามาก 


- คนอื่นไม่เข้าใจเราไม่เห็นแปลก ในเมื่อเราก็ไม่เข้าใจคนอื่นเหมือนกัน 


- ไม่ต้องช่วยใครๆ ด่าตัวเอง ถ้าสิ่งที่ทำไปแน่ใจว่าพยายามเต็มที่แล้ว 


- วิ่งให้เหนื่อยมากๆ ความโกธรจะได้ถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ 


- ถ้ากลัวจะนอนฝันร้าย สวดมนต์ก่อนนอนเหมือนตอนเด็กๆ ดูสิ 


- ของฝากสำหรับคนห่างไกล คือการโผล่ไปเซอร์ไพรส์ด้วยตัวเอง 


- เพลงจังหวะมันๆ ทำให้คนฟังกระปรี้กระเปร่าได้โดยอัตโนมัติ 


- อย่าเดาว่าอะไรอยู่ในกล่องของขวัญ แล้วจะไม่รู้จักคำว่าผิดหวัง

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


ทำดีลับหลัง ไม่ไม่ใครเห็นค่า

ดีกว่าทำดีเอาหน้า แต่ลับหลังไม่ีมีอะไรดี
ข้อคิดเตือนใจ 

....พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต.....


"ในโลกนี้ไม่มีอะไรนุ่มหรือบางกว่าน้ำ แต่การที่น้ำสามารถกัดเซาะสิ่งที่แข็งอย่างไม่ยอมจำนนนั้น ไม่มีอะไรจะเทียบได้"


-ข้อคิดเตือนใจ  พระมหาสมปอง


อย่าแคร์คนอื่นมากกว่า
ครอบครัว
อย่าตามแต่ใจตัว
จนลืมว่าครอบครัวก็สำคัญ
....พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต....


ในวันที่ท้อ อย่าคิดว่าไม่เหลือใคร
ส่องกระจก แล้วยิ้มเข้าไว้ 
ไม่เหลือใคร ก็ยังเหลือ ตัวเราเอง


หลายๆครั้ง โอกาสผ่านมา แล้วก็ผ่านไป
เพราะอะไร เพียงเพราะเรา ไม่เห็นมัน
ไม่มีใครทำลายความหวังของเราได้
หากเราไม่ทำลายด้วยตัวของเราเอง

ฉันได้เรียนรู้ว่า...
สัตว์ก็มีหัวใจ เหมือนมนุษย์เรา
บางครั้งสัตว์ยังทำให้หัวใจคนเรา
อบอุ่นและมีความสุขได้ดีกว่าคนเสียอีก
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ยากล่อมประสาทที่ดีที่สุด
คือ สติของตัวเราเอง
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
การเปิดเพลงฟังในเวลาที่เราเศร้านั้น
ช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจให้เบาบางลงไปได้
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
เราสามารถหาเงินได้มากขึ้น
แต่ไม่สามารถหาเวลาเพิ่มได้
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ฉันอาจรักใครบางคน
ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบเขามากมายก็ได้
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันเจ็บปวดมากไปกว่าความเกลียดชัง
นั่นคือ ความเย็นชา,ความเมินเฉย
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
แม้ฉันต้องเจ็บปวดหรือโศกเศร้านั้น
แต่ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่อย่างเจ็บปวดโศกเศร้าเสมอไป
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
บางครั้งการคาดหวังนั้น
ก็ทำให้คนเรามีความสุขกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ฉันไม่อาจคาดหวังผู้อื่น
ให้แก้ปัญหาของฉันได้
มีแต่ตัวฉันเองเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาได้
- - - - - - - - - - - -

ฉันได้เรียนรู้ว่า...
เมื่อสิ่งเลวร้ายผ่านเข้ามา
ต้องไม่ปล่อยให้มันสร้างความลำบากใจให้ตัวเราเอง
เราต้องใช้มันเป็นพลังทำให้ตัวเราเข้มแข็งขึ้น
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ถึงเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้
แต่เราปล่อยให้มันผ่านไปได้
และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
หากต้องการคำตอบที่ดี
เราก็ควรถามคำถามที่ดีด้วย
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
การซื่อสัตย์ต่อสิ่งเล็กๆน้อยๆ
ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
เพราะสิ่งเล็กน้อยจะกลายเป็นเรื่องที่ดีจนเป็นนิสัยได้
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
การเยียวยารักษามิตรภาพที่บอบช้ำนั้น
ทำเมื่อไหร่ก็ไม่สาย
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ชีวิตจะเติมเต็มไม่ได้
หากปราศจากเพื่อน
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
การที่จะรู้คุณค่าอะไรสักอย่างนั้น
เราอาจจะต้องขาดมันไปสักพักก่อนหรือสูญเสียมันไปตลอด
จึงจะรู้คุณค่าของมัน
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
จิตใจของคนเรานั้นยากที่จะเข้าใจ
และยากที่จะคาดเดา
ตามที่ฉันคิดได้
- - - - - - - - - - - -
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
การกระทำที่แสดงออกมา
บางครั้งก็ไม่ตรงกับใจ
- - - - - - - - - - - - 
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
บางทีสิ่งที่เราคิด
ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้
และมันก็เป็นอย่างนั้นเสมอ
เพราะความคิดของคนเรามันไม่แน่นอน
- - - - - - - - - - - - 
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
การที่ปฏิบัติตามระเบียบวินัย
ตั้งแต่เด็กๆจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตได้
- - - - - - - - - - - - 
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
การที่คุณพ่อ-คุณแม่คอยสอนฉัน
ให้ทำอะไรด้วยตนเอง
เพื่อที่ฉันจะสามารถเติบโต
และใช้ชีวิตด้วยตนเองต่อไปได้
- - - - - - - - - - - - 
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
คนเราถ้ามีความตั้งใจ และสนใจที่จะทำอะไร
ก็ย่อมประสบความสำเร็จเสมอ
- - - - - - - - - - - - 
ฉันได้เรียนรู้ว่า...
ความชอบของคนเรา
อาจทำให้เราค้นเจอพรสวรรค์
โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย
- - - - - - - - - - - -