เด็กบังเอิญ

"...บทความต่างๆ ผมได้อ่านมาจากหนังสือต่างๆ และรวมรวมมาจากเว็บต่างๆด้วยและได้ยินมาด้วย ผมจึงรู้สึกว่า คำเหล่านี้และบทความเหล่านี้ อาจช่วยให้ เราได้ข้อคิดให้กำลังใจในการใช้ชีวิตบนโลกกลมๆใบนี้อย่างมีความสุขในสิ่งที่ดี งามสามารถหยิบเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่มากก็น้อยสมควรแก่ผู้สนใจครับ ... ขอขอบคุณทุกคน ณ โอกาสนี้ครับ...." ສະບາຍດີ (เด็กบังเอิญ...)

วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

โจนาธาน ลิฟวิงสตัน : นางนวล ผู้แต่ง : Richard Bach

                           ตอนหนึ่ง 
 ามเช้า .....ดวงตะวันใหม่สดใสส่องแสงสีทองทอดทาบระลอกทะเลที่สงบเยือกเย็น เรือตกปลาลำหนึ่งจอดลอยอยู่ห่างจากชายฝั่งหนึ่งไมล์ ส่งสัญญาณให้อาหารนกกระจายขึ้นไปในอากาศ และแล้วฝูงนางนวลจำนวนพันก็โผบินเข้ามาแย่งอาหารกันกิน
              วันแห่งความสับสนอีกวันหนึ่งก็เริ่มขึ้น......

              แต่ไกลออกไปจากชายฝั่งและเรือ โจนาธาน ลิฟวิงสตัน : นางนวล กำลังฝึกบินอยู่เดียวดาย มันบินสูงขึ้นไปในท้องฟ้าหนึ่งร้อยฟุต ลดเท้าที่ติดกันลง เชิดปากขึ้น และกระชับปีกเข้าหากันเพื่อหักมุมเลี้ยวที่แสนยากเย็น เมื่อมันเลี้ยวโจนาธานก็บินได้ช้าลง และเมื่อมันบินช้าๆ สายลมก็พัดผ่านหน้าราวกับเสียงกระซิบ เบื้องล่างท้องทะเลดูสงบนิ่ง โจนาธานหรี่ตาตั้งสติแน่วแน่กลั้นหายใจ แล้วก็บังคับให้ตัวหักมุมเลี้ยว….อีกหนึ่งนิ้วฟุต…แต่แล้วขนของมันก็กระจุย มันชงักเสียหลักตกลงมา

              คงจะรู้กันว่านางนวลนั้นไม่มีวันที่จะบินเสียหลัก การเสียหลักในอากาศเป็นเรื่องน่าอายและเสียเกียรติอย่างยิ่ง แต่นางนวลโจนาธาน ลิฟวิสตันไม่ใช่นกธรรมดาๆ มันไม่อาย มันกางปีกออกอีกครั้งเพื่อจะบินหักมุมเลี้ยวอันแสนยากนั้น มันบินอีกอย่างช้าๆ และแล้วมันก็เสียหลักอีกทีหนึ่งจนได้
              นางนวลส่วนมากมักไม่พะวงกับการเรียนรู้เรื่องบินมากไปกว่าที่จะบินแบบง่ายๆ มันมักจะบินจากฝั่งออกไปหาอาหารแล้วก็บินกลับ สำหรับนางนวลทั่วๆ ไป การกินนั้นสำคัญกว่าการบิน แต่สำหรับโจนาธานนั้นการกินไม่ใช่เรื่องที่สำคัญไปกว่าการบิน โจนาธาน ลิฟวิงสตัน : นางนวล รักที่จะบินเหนือสิ่งอื่นใด โจนาธานรู้ว่าการที่มันคิดเช่นนี้ ทำให้มันไม่เป็นที่ชอบพอในหมู่นกด้วยกัน แม้แต่พ่อแม่ของมันเองก็ไม่พอใจที่โจนาธานใช้เวลาทั้งวันฝึกบินร่อนระดับต่ำอยู่ตัวเดียว ตั้งวันละร้อยๆ ครั้ง
              โจนาธานไม่รู้ว่าทำไมตนจึงเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อมันบินเหนือน้ำเพียงครึ่งความยาวของปีก มันก็ลอยอยู่ในอากาศได้นานๆ โดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย เมื่อมันร่อนมาลงทะเลมันก็ไม่ใช้เท้าระน้ำแบบธรรมดา แต่มันกลับหดเท้าแน่นไว้กับลำตัวเวลาลงแตะผิวน้ำ และเมื่อมันเริ่มร่อนลงชายหาด มันก็ใช้ลำตัวไถไปเป็นแนวยาวบนพื้นทราย ซึ่งทำให้พ่อแม่ของโจนาธานอ่อนอกอ่อนใจอย่างยิ่ง

              "ทำไมนะ จอน ทำไม" แม่ถามขึ้น "ทำไม่มันยากนักรึที่จะทำตัวให้เหมือนนกอื่นๆ ในฝูง หือ จอน ทำไมแกไม่ปล่อยให้การบินระดับต่ำเป็นเรื่องขอนกเพลิแกน หรือนกอัลบาทรอส แล้วทำไมแกไม่กินซะบ้าง จอน แกน่ะเหลือแต่กระดูกและขน!"
              "แม่ ฉันไม่กลัวที่จะเหลือแต่กระดูกและขนฉันเพียงแต่อยากรู้ว่าเมื่อฉันอยู่ในอากาศ ฉันจะทำอะไรได้หรือทำไม่ได้ ฉันเพียงแต่อยากรู้เท่านั้นเอง"
              "นี่นะโจนาธาน" พ่อพูดขึ้นอย่างไม่ไร้ความปรานี "หน้าหนาวก็ไม่ไกลนัก แล้วเรือหาปลาเหลือไม่กี่ลำ และปลาผิวน้ำก็จะว่ายลงสู่น้ำลึก ถ้าแกจะต้องเรียนรู้ แกก็ต้องเรียนรู้เรื่องอาหาร และก็หาอาหารกินให้ได้ เรื่องการบินนี่นะดีอยู่หรอก แต่แกก็น่าจะรู้ว่าการบินการร่อนกินเข้าไปไม่ได้ อย่าลืมว่าเหตุที่แกบินก็เพื่อเอาไว้หากิน"

              โจนาธานพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง และในเวลาสองสามวันต่อมามันก็พยายามทำตัวเหมือนๆ นางนวลอื่นๆ มันพยายามส่งเสียงร้อง สู้ ร่อนลงแย่งเศษปลาและขนมปังกับฝูงนกที่ท่าน้ำและเรือตกปลา แต่มันก็ทำได้ไม่ตลอด โจนาธานคิดว่าการทำเช่นนั้นช่างไม่มีจุดหมายเสียเลย บางครั้งมันก็ทิ้งปลาแห้ง ซึ่งได้มาอย่างยากเย็นให้กับนกนางนวลแก่ๆ หิวโหยที่บินตามมันมา โจนาธานคิดว่ามันควรจะใช้เวลาทั้งหมดในการฝึกบิน มีอะไรๆ มากมายที่จะต้องเรียนรู้ อีกไม่นานต่อมาโจนาธานก็ออกไปไกลอยู่ในทะเลตัวเดียว มันหิว มีความสุข และเรียนรู้ สิ่งที่มันเรียนรู้ก็คือ ความเร็ว และภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ฝึกฝนอยู่ มันก็เรียนรู้เรื่องความเร็วมากกว่านกนางนวลที่บินเร็วที่สุดตัวใดๆ

              โจนาธานกระพือปีกอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันทิ้งตัวจากความสูงหนึ่งพันฟุตดิ่งลงมาหาฟองคลื่น และมันก็เริ่มจะรู้ว่าทำไมนกนางนวลอื่นๆ ถึงไม่บินพุ่งตัวดิ่งลงมา เพราะภายในเวลาหกวินาทีมันก็สามารถบินดิ่งได้เจ็ดสิบไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่ทำให้ปีกของมันสั่งคลอนตอนตีปีกขึ้น โจนาธานบินอย่างระมัดระวังและสุดความสามารถ แต่มันก็เสียการทรงตัวเมื่อบินด้วยความเร็วสูง
              มันพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า มันบินขึ้นไปสูงหนึ่งพันฟุต ตรงไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลัง ตีปีก แล้วก็พุ่งดิ่งลงมาเป็นแนวตรง แต่ทุกๆ ครั้งที่มันทำเช่นนั้น ปีกซ้ายของมันก็เสียหลักเมื่อยกปีกขึ้น มันถลาไปทางซ้ายอย่างรุนแรง มันพยายามใช้ปีกข้างขวาทรงตัว แต่มันก็ตีลังกาหมุนกลับทันที ราวกับไฟปะทุ โจนาธานระมัดระวังไม่พอตอนตีปีกขึ้น มันพยายามใหม่ตั้งสิบครั้ง และทั้งสิบครั้งนั้นมันก็บินได้ถึงเจ็ดสิบไมล์ต่อชั่วโมง แต่ขนของมันกระจุยเสียหลัก ตกกระแทกลงสู่พื้นน้ำ โจนาธานเปียกโชก และมันก็คิดได้ในที่สุดว่ากุญแจดอกสำคัญของการบินเร็วก็คือยึดปีกทั้งสองข้างไว้ให้แน่น

              มันตีปีกกระชั้นกันห้าสิบครั้งแล้วก็ยึดไว้เฉยๆ มันพยายามอีกครั้งจากระยะสูงสองพันฟุต ทิ้งตัวดิ่งลงมา ปากพุ่งตรง กางปีกออกเต็มที่และยึดนิ่งเอาไว้เมื่อถึงตอนที่บินด้วยความเร็วห้าสิบไมล์ต่อชั่วโมง มันใช้กำลังมหาศาลแล้วก็ได้ผล ในเวลาเพียงสิบวินาทีโจนาธานสามารถบินได้เก้าสิบไมล์ต่อชั่วโมง และแล้วมันก็ทำสถิติความเร็วในหมู่นกนางนวล!

              แต่ความสำเร็จของมันสั้นยิ่งนัก ทันทีที่โจนาธานเริ่มลดความเร็ว และทันทีที่มันเปลี่ยนมุมปีก มันก็บังคับตัวไม่อยู่ในระยะของการบินเก้าสิบไมล์ต่อชั่วโมง การเสียหลักทรงตัวเกิดขึ้นราวกับดินระเบิด โจนาธาน : นางนวล เสียหลักกลางอากาศและตกลิ่วลงกระทบผิวทะเลที่แข็งราวกับอิฐ ถึงตอนนั้นบรรยากาศก็มืดสนิท


              โจนาธาน ลอยตัวในมหาสมุทรท่ามกลางแสงจันทร์ ปีกของมันหนักราวกับห่อหุ้มด้วยแท่งตะกั่ว แต่ดูเหมือนว่าน้ำหนักของความล้มเหลวจะทับถมอยู่บนหลังมันมากกว่า โจนาธานได้แต่ภาวนาอย่างอ่อนระโหย ให้น้ำหนักนั้นถ่วงมันจมลงสู่ก้นทะเล จะได้จบสิ้นกันเสียที เมื่อมันเริ่มจมลงในน้ำนั้น

              โจนาธานได้ยินเสียงพูดโหยหวนและประหลาดขึ้นมาในตัวของมันเอง ไม่มีทางแน่ๆ ฉันเป็นแต่เพียงนางนวล ธรรมชาติได้สร้างฉันขึ้นมาอย่างจำกัด ถ้าฉันถูกสร้างมาให้เรียนรู้เรื่องการบินได้ ฉันควรจะต้องมีมันสมองมากมาย ถ้าฉันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้บินเร็วได้ ฉันก็น่าจะต้องมีปีกสร้างอย่างนกเหยี่ยวและฉันก็ควรจะกินหนูแทนที่จะกินปลา พ่อฉันพูดถูกแล้ว ฉันต้องลืมเรื่องโง่ๆ นี่เสีย ฉันจะต้องบิน ต้องบินกลับไปบ้านไปหาฝูงนกของฉัน และฉันควรจะต้องพอใจต่อสภาพของนางนวลที่น่าสงสารและมีความสามารถจำกัดเช่นนี้ เสียงพูดนั้นเงียบหายไป และโจนาธานก็เห็นพ้องด้วย

              ที่อยู่ของนางนวลยามค่ำคืนก็คือชายฝั่ง โจนาธานให้สัญญากับตัวเองว่านับแต่วาระนี้ต่อไป มันจะยอมเป็นางนวลธรรมดาๆ นั่นจะทำให้ตัวอื่นมีความสุขขึ้น โจนาธานค่อยๆ บินขึ้นจากพื้นน้ำอันมืดสนิทอย่างอ่อนระโหยกลับเข้าสู่ชายฝั่ง มันบินกลับในระดับต่ำ และก็พอใจที่ตนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบินเช่นนั้น
              โจนาธานคิดต่อไปอีกว่า ไม่ ฉันจะไม่เป็นอย่างที่แล้วมา ฉันจะเลิกเรียน ฉันเป็นนกเหมือนกันกับนางนวลตัวอื่นๆ ฉันจะบินให้เหมือนกับตัวอื่นๆ แม้ว่าจะเจ็บปวดอย่างยิ่ง โจนาธานก็บินสูงขึ้นสูงขึ้นไปหนึ่งร้อยฟุต มันตีปีกแรงมุ่งกลับเข้าหาชายฝั่ง โจนาธานรู้สึกสบายใจขึ้น ที่ได้ตัดสินใจเป็นนกเหมือนๆ กับนกในฝูง ทีนี้ก็จะไม่มีพันธะบังคับให้โจนาธานต้องเรียนรู้ แล้วก็จะไม่มีความท้าทายหรือความล้มเหลวอีกต่อไป มันช่างสวยสดจริงที่เลิกคิดเสียได้ และแล้วโจนาธานก็บินผ่านความมืด มุ่งไปหาแสงไฟที่ชายฝั่ง 

              ความมืด! เสียงอันโหยหวนก้องขึ้นอย่างตกใจ นางนวลไม่มีวันที่จะบินในความมืด! โจนาธานไม่ได้ตื่นใจที่จะฟังเสียงนั้น มันมัวแต่คิดว่าช่างงดงามเสียจริง ดวงจันทร์ส่องแสงระยิบระยับเหนือพื้นน้ำสาดแสงเป็นทางยาวเล็กๆ ทอดข้ามยามค่ำคืน ทุกอย่างสงบและนิ่ง…. บินลงไปซะ! นางนวลไม่เคยบินในความมืด! ถ้าเธอถูกสร้างมาให้บินในความมืด เธอจะต้องมีตาเหมือนนกฮูก เธอจะต้องมีมันสมองมากมาย เธอจะต้องมีปีกสั้นเหมือนนกเหยี่ยว!

              โจนาธาน ลิฟวิงสตัน : นางนวล กระพริบตาในความมืดของยามค่ำคืน ในอากาศที่สูงหนึ่งร้อยฟุต และแล้วความปวดร้าว คำมั่นสัญญาของมันก็สูญสิ้นไป ปีกสั้น ปีกที่สั้นอย่างนกเหยี่ยว! นั่นคือคำตอบ! ฉันช่างโง่เสียนี่กระไร! สิ่งที่ฉันต้องการก็คือปีกสั้นนั่นเอง สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือ พับปีกของฉันไว้เสียให้เกือบหมด แล้วก็ใช้แต่เพียงปลายปึกเท่านั้นบิน! ปีกสั้น

              และแล้วโจนาธานก็บินสูงขึ้นไปสองพันฟุต เหนือท้องทะเลที่มืดสนิท โดยที่ไม่ต้องหยุดชะงักนึกถึงความล้มเหลวหรือความตายมันยึดโคนปีกไว้แน่นกับลำตัว ปล่อยแต่เพียงส่วนที่เล็กของปลายปีตวัดโต้ลม มันพุ่งตรงลงมา เสียงลมก้องสนั่นปะทะหัวของโจนาธาน มันบินเจ็ดสิบไมล์ต่อชั่วโมง เก้าสิบไมล์ ร้อยยี่สิบไมล์ และก็ยิ่งเร็วขึ้นๆ ตอนนี้ปีกของมันที่กางบินร้อยสี่สิบไมล์ต่อชั่วโมงก็ดูไม่ยากเย็นเหมือนตอนบินเจ็ดสิบไมล์ต่อชั่วโมง และเพียงแค่มันบิดปลายปีกนิดเดียวมันก็สามารถจะชลอความเร็ว เมื่อพุ่งดิ่งลงมาเหนือฟองคลื่น ซึ่งดูราวกับลูกปืนใหญ่สีเทาภายใต้แสงจันทร์ โจนาธานหรี่ตาลงปะทะลมแล้วก็ลิงโลดใจ หนึ่งร้อยสี่สิบไมล์ต่อชั่วโมง! ซ้ำยังบังคับตัวได้! ถ้าหากฉันพุ่งดิ่งจากระดับห้าพันฟุต แทนที่จะเป็นจากสองพันฟุต ฉันสงสัยว่ามันจะเร็วได้สักแค่ไหน……

              โจนาธานลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองเมื่อครู่ก่อนเสียสิ้นมันโผบินไปมาในสายลม และมันก็ไม่รู้สึกผิดที่ทำลายคำสัญญานั้นเสีย คำมั่นสัญญาแบบนั้นเป็นเรื่องของนางนวลที่ยอมรับความธรรมดาสามัญ แต่สำหรับผู้ที่ได้ชิมความเป็นเลิศในการเรียนรู้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องยึดคำสัญญาแบบนั้น 

              เมื่อดวงตะวันขึ้น นางนวลโจนาธานยังคงฝึกบินอยู่ต่อไป จากระดับห้าพันฟุตเรือหาปลาดูเป็นเพียงจุดเล็กจุดน้อย เหนือพื้นน้ำสีน้ำเงินที่แบนราบ กลุ่มนกที่ออกหากินตอนเช้าดูคล้ายกลุ่มฝุ่นบางๆ ที่หมุนเป็นวงกลม โจนาธานรู้สึกมีชีวิตชีวา มันสั่นสะท้านเล็กน้อยด้วยความดีใจ ภูมิใจที่บังคับความหวาดกลัวไว้ได้ และแล้วโดยไม่ต้องมีพิธีการมันขยับโคนปีกเข้าลำตัวเหยียดแต่เพียงปลายปีกอันสั้นออกไป โจนดิ่งพุ่งลงสู่ท้องทะเล เมื่อถึงตอนที่มันถลาลงจากระดับสี่พันฟุต มันก็ถึงที่สุดของความเร็ว
              สายลมดูแข็งราวกับกำแพงเสียงที่สกัดกั้นไม่ให้มันถลาลงได้เร็วไปกว่านั้น โจนาธานยังคงบินดิ่งตรงมาด้วยความเร็วสองร้อยสิบสี่ไมล์ต่อชั่วโมง โจนาธานกลืนน้ำลาย รู้สึกแน่ว่าถ้าหากปีกของมันหลุดกางออกในระดับความเร็วนี้ มันก็จะระเบิดออกเป็นนางนวลชิ้นเล็กชิ้นน้อยสักล้านส่วน แต่ความเร็วคือพลัง ความเร็วคือความรื่นรมย์ และความเร็วคือความงามบริสุทธิ์

              โจนาธานเริ่มชะลอความเร็ว เมื่อถึงระดับหนึ่งพันฟุต ปลายปีกของมันสั่นสะท้านเมื่อต้องลมมหากาฬนั้น เบื้องหน้าของมัน เรือและฝูงนางนวลพุ่งตรงเข้ามารวดเร็วดั่งดาวตก โจนาธานหยุดไม่ได้ มันไม่รู้ว่าจะหักเลี้ยวได้อย่างไร เมื่อบินด้วยความเร็ซขนาดนั้น ถ้าชนกันก็ตายทันที ดังนั้นโจนาธานจึงได้แต่หลับตา

              บังเอิญเหลือเกินว่าในตอนเช้าวันนั้นหลังดวงตะวันขึ้น นางนวล : โจนาธาน ลิฟวิงสตัน บินผ่านพุ่งเข้าไปในตอนกลางของกลุ่มนกที่ออกหากินตอนเช้า มันผ่านไปด้วยความเร็วสองร้อยสิบสองไมล์ต่อชั่วโมง ดวงตาปิดสนิทลมและขนของมันส่งเสียงหวาดหวือสนั่นแต่นางนวลแห่งโชคยิ้มให้มันและไม่มีใครต้องถึงตาย เมื่อถึงตอนที่มันเชิดปากบินสู่ฟ้า โจนาธาน ก็ยังคงพุ่งไปด้วยความเร็วหนึ่งร้อยหกสิบไมล์ต่อชั่วโมง และเมื่อมันลดความเร็วเหลือเพียงยี่สิบไมล์ต่อชั่วโมง มันก็กางปีกออกได้ในที่สุด

              ถึงตอนนั้นเรือหาปลาลอยอยู่ในทะเลเบื้องล่างห่างจากมันสี่พันฟุต สิ่งที่โจนาธานคิดได้ก็คือชัยชนะ ความเร็วสุดยอด! นางนวลบินได้ถึง สองร้อยสิบสี่ไมล์ต่อชั่วโมง! มันช่างเป็นประวัติการณ์ เป็นชั่วขณะที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของฝูงนกนางนวล เป็นชั่วขณะของยุคใหม่ที่เปิดต้อนับโจนาธาน ลิฟวิงสตัน
              มันบินออกไปยังสถานที่ฝึกบินอันโดดเดี่ยว หดปีกเข้าเพื่อพุ่งดิ่งลงจากระดับแปดพันฟุต คราวนี้มันจะค้นหาวิถีหักมุมเลี้ยว และแล้วโจนาธานก็ค้นพบว่า เพียงขยับปลายปีกเพียงส่วนนิดเดียวของหนึ่งนิ้วฟุต ทำให้มันวาดวงโค้งได้อย่างสวยในช่วงความเร็วมหาศาลนั้น อย่างไรก็ตามก่อนมันจะค้นพบวิธี มันก็พบว่าหากขยับขนมากกว่าหนึ่งอันในช่วงความเร็วนั้น มันก็จะหมุนติ้วราวกับลูกปืนไรเฟิล…. โจนาธานกลายเป็นนางนวลตัวแรกที่บินกายกรรมบนอากาศก่อนนางนวลตัวใดๆ ในโลก

              วันนั้น โจนาธานไม่ยอมเสียเวลาที่จะคุยกับนางนวลตัวอื่นๆ มันบินไปจนตะวันตก มันค้นพบวิธีบินเป็นวง บินกลิ้งช้า บินกลิ้งตรง บินหมุนกลับ บินผลักนางนวล บินหมุนลูกข่าง
              เมื่อโจนาธานกลับเข้าไปหาฝูงนางนวลบนชายฝั่ง เวลาก็ล่วงเลยเป็นกลางคืน มันรู้สึกเวียนหัวและเมื่อยล้านักหนา กระนั้นก็ตามมันบินเป็นวงเพื่อร่อนลงด้วยความปิติยินดี มันคิดว่าเมื่อพรรคพวกได้ฟังเรื่องความสำเร็จพวกนั้นคงจะตื่นเต้นดีใจด้วย ช่างมีค่าเหลือเกินที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในตอนนี้! ชีวิตมีความหมายมากขึ้นกว่าการบินอย่างเซ็งๆ กลับไปกลับมาจากเรือหาปลา เราสลัดความโง่เขลาทิ้งเสียได้ เราค้นพบได้ว่าเราเป็นสัตว์วิเศษ ฉลาดรอบรู้ เราเป็นอิสระได้! เราเรียนรู้ที่จะบินได้! แล้วกาลเวลาข้างหน้าก็กระหึ่มและวาววามด้วยคำมั่นสัญญา

                  เมื่อโจนาธานร่อนลงนั้น บรรดานกนางนวลจับกลุ่มกันเป็นที่ประชุมสภา และก็คงยืนจับกลุ่มกันมาได้พักใหญ่แล้ว ที่จริงพวกนั้นคงจะรออยู่
              "โจนาธาน ลิฟวิงสตัน : นางนวล เข้ามายืนตรงกลาง!" เสียงผู้ใหญ่นก ดังขึ้นอย่างมีพิธีรีตองสูงสุด การยืนตรงกลางหมายถึงเพียงความอับอายหรือไม่ก็เสื่อมเสียเกียรติยศอย่างใหญ่หลวง แต่การยืนตรงกลางเพื่อเกียรติก็เป็นวิธีกำหนดผู้นำนางนวลขั้นสูง
              โจนาธานคิดว่า เมื่อเช้านี้พวกฝูงนกออกหากินคงจะได้เห็นความสำเร็จในการบินของมันแน่ทีเดียว! แต่ฉันไม่ต้องการเกียรติยศ ฉันไม่เคยคิดอยากจะเป็นผู้นำ ฉันเพียงแต่อยากเอาสิ่งที่ค้นพบมาเผยแพร่ร่วมกัน ฉันเพียงอยากให้พวกเราทุกตัวได้เห็นขอบน้ำกับฟ้าเบื้องหน้าโน้น

              แล้วโจนาธานก็ก้าวออกไป
              "โจนาธาน ลิฟวิงสตัน" ผู้ใหญ่นก พูด "เข้ามายืนตรงกลางเพื่อให้นกอื่นๆ เห็นความอับอาย!" โจนาธานรุ้สึกเหมือนกับว่าถูกตีด้วยแผ่นกระดาษ เข่าของมันอ่อนเปลี้ย ขนตกลู่ หูอื้อ ยืนตรงกลางเพื่อความอับอาย? เป็นไปไม่ได้! ความสำเร็จ! พวกนั้นไม่เข้าใจ! พวกนั้นคิดผิด พวกนั้นคิดผิด!

              "…เพื่อความเหลวไหลและความหุนหันพลันแล่น" เสียงที่เคร่งขรึมดังขึ้น ทำลายเกียรติยศและประเพณีของตระกูลนางนวล.."
              เข้าไปยืนตรงกลางเพื่อความอับอายหมายถึงว่า โจนาธานจะถูกไล่ออกจางฝูงนกและถูกขับให้ไปมีชีวิตเดียวดายที่ หน้าผาโพ้น
              "…สักวันหนึ่ง โจนาธาน ลิฟวิงสตัน : นางนวล แกจะรู้ว่าการไร้ความรับผิดชอบไม่มีประโยชน์อะไร ชีวิตเป็นเรื่องลี้ลับ และจะเรียนรู้ไม่ได้ เรามาอยู่ในโลกนี้เพียงเพื่อกิน และพยายามมีชีวิตอยู่ให้ยืนยาวเท่าที่เราจะทำได้"
              นางนวลจะพูดโต้ตอบที่ประชุมสภาไม่ได้ แต่ โจนาธานก็กล่าวแย้งขึ้น
              "ไร้ความรับผิดชอบ? พี่น้องของฉัน!" มันร้องขึ้น
              "ใครกันแน่ที่จะมีความรับผิดชอบเท่ากับนางนวลตัวที่ค้นและติดตามความหมาย ซึ่งเป็นจุดประสงค์สูงส่งในชีวิต นับเป็นเวลาพันปีที่พวกเราได้แต่ตะกุยตะกายหาแต่ปลา แต่บัดนี้เรามีเหตุและผลที่จะดำรงชีวิตอยู่เพื่อเรียนรู้ เพื่อค้นหา และเพื่อเป็นอิสระ! ให้โอกาสฉันสักครั้งให้ฉันแสดงให้ท่านดูว่าฉันได้ค้นพบอะไร…"
              "ความเป็นพี่น้องขาดกัน" บรรดานางนวลกล่าวขึ้นพร้อมกันและต่างก็ตกลงปิดหูไม่รับฟังหันหลังให้โจนาธาน 

              โจนาธานนางนวลใช้เวลาหลังจากนั้นอยู่ตัวเดียว มันบินไกลออกไปจาก หน้าผาโพ้น ความเสียใจของมันมิใช่ที่ต้องอยู่อย่างสันโดษ แต่เพราะนางนวลอื่นๆ ไม่ยอมเชื่อในความมหัศจรรย์ของการบินที่รอคอยพวกมันอยู่ พวกนั้นไม่ยอมที่จะลืมตาออกดู
              โจนาธานเรียนรู้มากขึ้น ทุกวัน ทุกวัน มันค้นพบว่าการพุ่งดิงตรงลงมาทำให้มันลงไปจับปลารสอร่อยๆ หายากที่ว่ายอยู่ลึกถึงสิบฟุตใต้ผิวน้ำในมหาสมุทร โจนาธานเลยไม่ต้องอาศัยหากินกับเรือหาปลา หรือขนมปังเก่าๆ อีกต่อไป มันเรียนรู้วิธีที่จะหลับนอนในอากาศโดยการบินทวนลมบกตอนกลางคืนเป็นระยะทางตั้งร้อยไมล์จากตะวันตกถึงตะวันขึ้น และด้วยวิธีเดียวกัน มันสามารถบินฝ่าหมอกทะเลที่ลงจัด ขึ้นไปเหนือสู่ท้องฟ้าที่ให้เป็นประกาย… ในขณะที่นกนางนวลตัวอื่นๆ ต้องทนอยู่ที่ชายหาด ทนอยู่กับหมอกและฝน

              โจนาธานเรียนรู้วิธีร่อนไปกับลมที่พัดจัดลึกเข้าไปจากชายฝั่ง และมันก็ได้กินแมลงรสดีๆ สิ่งที่โจนาธานเคยหวังว่าจะให้ฝูงนกเรียนรู้นั้น กลายเป็นสิ่งที่มันรู้ไว้แต่เพียงตัวเดียวในขณะนี้ มันเรียนรู้การบินและก็ไม่เสียใจที่ถูกเคราะห์กรรม นางนวลโจนาธานค้นพบว่าความเบื่อหน่าย ความกลัว ความโกรธ เป็นต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตนกนางนวลสั้นยิ่งนัก และเมื่อสิ่งเหล่านี้สูญหายไปจากจิตใจของมัน โจนาธานก็มีชีวิตยืนยาวสดใสยิ่ง



              พวกนั้นมาถึงเมื่อตอนพลบค่ำ มาพบโจนาธานกำลังบินร่อนอยู่อย่างสงบตัวเดียวภายใต้ท้องฟ้าที่มันรัก นางนวลสองตัวที่มาปรากฎใกล้ปีกของโจนาธานนั้นดูบริสุทธิ์ราวกับแสงดาว และรังสีที่เปล่งออกมาดูเยือกเย็นเป็นมิตรในอากาศของยามค่ำคืน แต่สิ่งที่งดงามที่สุดก็คือ ความชำนำชำนาญในการบินของนกสองตัวนั้น ปลายปีกขยับทีละนิ้วฟุต อย่างแม่นยำและมั่นคงเมื่อเทียบกับโจนาธาน
              โดยที่มิได้พูดอะไร โจนาธานทำการลองเชิงนางนวลสองตัวนั้น การลองเชิงที่ไม่มีนางนวลตัวใดเคยผ่านไปได้ โจนาธานขยับบิดปีกร่อนลงช้าลงเหลือเพียงหนึ่งไมล์ต่อชั่วโมงจนเกือบหยุดนิ่ง เจ้าสองตัวแสนงามนั้นบินช้าลงเช่นกันอย่างนิ่มนวลด้วยท่าอันถูกต้องมันรู้วิธีบินช้าเป็นอย่างดี โจนาธานขยับปีกเข้า ถลาไป แล้วก็พุ่งดิ่งลงด้วยความเร็วเก้าสิบไมล์ต่อชั่วโมง นางนวลสองตัวนั่นก็พุ่งดิ่งลงมาพร้อมกับโจนาธานโดยไม่ผิดพลาด ในที่สุดโจนาธานก็เปลี่ยนความเร็วนั้นขึ้นไปเป็นเส้นตรง ถลาไปอย่างช้าๆ เจ้าสองตัวนั่นก็ถลาตามมาแล้วยิ้ม

              โจนาธานกลับไปบินระดับตรง เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น
              "เอาละ" มันว่า "เธอเป็นใคร"
              "เรามาจากฝูงของเธอ โจนาธาน เราเป็นพี่น้องของเธอ" คำพูดดูหนักแน่นและเยือกเย็น
              "เรามาเอาเธอไปที่สูงไกลออกไป เอาเธอกลับบ้าน"
              "บ้านฉันไม่มี ฝูงฉันก็ไม่มี ฉันเป็นตัวหัวเน่า และตอนนี้เราก็บินอยู่สูงสุด ลมภูผาใหญ่ แล้ว เพียงอีกแค่สองสามร้อยฟุตฉันก็จะพยุงตัวบินสูงขึ้นไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว"
              "แต่เธอทำได้ โจนาธาน เพราะเธอได้เรียนรู้มาแล้ว จบสิ้นไปแล้วหนึ่งโรงเรียน ตอนนี้ ถึงเวลาที่จะต้องเริ่มใหม่อีกโรงเรียนหนึ่ง"

              เหมือนดั่งกับว่าโจนาธานได้รู้มากแล้วชั่วชีวิต นางนวลโจนาธานเข้าใจเป็นอย่างดีในฉับพลัน เจ้านกสองตัวนั่นพูดถูก โจนาธานบินสูงขึ้นไปได้ และถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว โจนาธานมองดูท้องฟ้า แผ่นดินสีเงินงามที่มันได้เรียนรู้อย่างมหาศาลเป็นครั้งสุดท้ายเป็นเวลานาน
              "ฉันพร้อมแล้ว" โจนาธานพูดขึ้นในที่สุด

              และแล้วนางนวลโจนาธาน ลิฟวิงสตัน ก็บินสูงขึ้นไปพร้อมกับนกสองตัวที่สดใสราวกับดาวนั่น หายเข้าไปในท้องฟ้าที่มืดสนิท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น